ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา (พ.ศ.
1893 - 2310)
การสถาปนากรุงศรีอยุธยา
ในราวปี
พ.ศ. 1893 เมื่อกรุงสุโขทัย เริ่มเสื่อมอำนาจลง
หัวเมืองต่าง ๆ จึงแข็งข้อ เมืองอู่ทอง
ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัยเป็นเมืองใหญ่
พระเจ้าอู่ทอง จึงเริ่มสะสมกองกำลัง และเป็นผู้นำคนไทย ที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง และตอนล่าง
ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นอิสระจากสุโขทัย โดยตั้งราชธานีบริเวณหนองโสน หรือบึงพระราม
ซึ่งก็คือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน
เหตุที่ย้ายเมืองมาสร้างราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา ก็เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์
และเป็นที่รวมของแม่น้ำหลายสาย จึงเป็นปากประตูสู่เมืองทางด้านเหนือทั้งสุโขทัยและเชียงใหม่
พระเจ้าอู่ทองทรงเป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์อู่ทอง ทรงพระนาว่า
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
ครองราชย์ปกครองกรุงศรีอยุธยาอยู่นานเป็นเวลาถึง 20 ปี
แผนที่ประเทศไทยสมัยอยุธยา
กรุงศรีอยุธยามีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาโดยลำดับ ทั้งนี้เพราะทำเลที่ตั้ง
มีความเหมาะสมหลายประการ คือ
ในด้านยุทธศาสตร์ มีภูมิประเทศเป็นเกาะ มีแม่น้ำล้อมรอบ 3
สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก
และแม่น้ำลพบุรี
ในด้านเศรษฐกิจ
เป็นศูนย์กลางการคมนาคม เพราะมีแม่น้ำไหลผ่านถึง 3 สาย
พื้นดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะในการทำอาชีพเกษตรกรรม
ตั้งอยู่ใกล้ทะเล
และส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้า
ในการค้ากับต่างประเทศ
กรุงศรีอยุธยา
เป็นราชธานีอยู่เป็นระเวลาถึง 417 ปี
มีกษัตริย์ปกครองถึง 5 ราชวงศ์
ดังนี้
ราชวงศ์อู่ทอง
(พ.ศ. 1893 - 1913 และ
พ.ศ. 1931 - 1952)
ราชวงศ์สุวรรภูมิ (พ.ศ. 1913 - 1931
และ พ.ศ. 1952 - 2112)
ราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ. 2112 - 2172)
ราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ. 2172 - 2231)
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ.
2231 - 2310)
การปกครอง
การจัดการปกครองในระยะแรก
เป็นการนำเอาลักษณะการปกครองในสมัยสุโขทัย และการปกครองของขอมเข้ามาใช้
ฐานะของพระมหากษัตริย์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยสุโขทัย คือ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ ทรงมีอำนาจสูงสุดในการปกครอง ซึ่งเรียกว่า การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
การจัดระเบียบการปกครองในสมัยอยุธยา
แบ่งได้เป็น 2 สมัย
ดังนี้ คือ
สมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ.
1893 - 1991) มีลักษณะดังนี้
การปกครองส่วนกลาง หรือการปกครองภายในราชธานี เรียกว่า
การปกครองแบบจตุสดมภ์ มีขุนนาง 4 ฝ่าย
ทำหน้าที่ดังนี้
กรมเวียง
มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในราชธานี
กรมวัง
มีหน้าที่เกี่ยวกับงานพระราชพิธีต่าง ๆ
กรมคลัง
มีหน้าที่เก็บพระราชทรัพย์ และผลประโยชน์ของแผ่นดิน
กรมนา
มีหน้าที่ดูแลการทำเรือกสวนไร่นา
และเก็บเสบียงไว้ใช้ในยามสงคราม
การปกครองส่วนภูมิภาค ได้แก่
เมืองที่อยู่นอกราชธานี
โปรดให้เจ้านาย และขุนนางที่ไว้วางพระทัยไปปกครอง แบ่งเป็น
3 ประเภท ดังนี้
เมืองหน้าด่่าน ได้แก่
เมืองที่อยู่รอบราชธานีทั้ง 4 ทิศ
เมืองชั้นใน ได้แก่
เมืองที่อยู่ไม่ไกลราชธานีมากนัก
เมืองชั้นนอก ได้แก่
เมืองที่อยู่ห่างไกลจากราชธานีมาก
หัวเมืองประเทศราช ได้แก่
หัวเมืองที่อ่อนน้อม ยอมเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา โปรดให้เจ้านายพื้นเมืองปกครองกันเอ
การปรับปรุงการปกครองครั้งใหญ่
ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้โปรดให้ปฏิรูปการปกครองครั้งสำคัญ ในปี พ.ศ.
1991 การปฏิรูปการปกครองดังกล่าว
ได้ใช้ตลอดมาจนสิ้นสุดสมัยอยุธยา
ผลการปรับปรุงการปกครอง ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีดังนี้คือ
เปลี่ยนชื่อกรมต่าง ๆ ของจตุสดมภ์
เป็นดังนี้
กรมเวียง
ใช้ชื่อว่า นครบาล
กรมวัง
ใช้ชื่อว่า ธรรมาธิกรณ์
กรมคลัง
ใช้ชื่อว่า โกษธิบดี
กรมนา
ใช้ชื่อว่า เกษตราธิการ
โปรดให้แยกงานฝ่ายทหารและพลเรือนออกจากกัน โดยกำหนดให้สมุหกลาโหมเป็นหัวหน้าฝ่ายทหาร และสมุหนายก
เป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน
แบ่งหัวเมืองชั้นนอกเป็นเมืองชั้นเอก โท
ตรี ตามลำดับ
การปกครองหัวเมืองประเทศราช โปรดให้เจ้านายของชนชาตินั้น ปกครองกันเอง โดยต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้ตามลำดับ
ปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับการปกครองในสมัยอยุธยา
คือการแย่งชิงราชสมบัติและอำนาจของขุนนางฝ่ายต่าง ๆ เนื่องจากขาดความสามัคคี และไม่มีระบบการสืบราชสมบัติที่แน่นอนขาดประสิทธิภาพ
อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น