เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียระหว่างประเทศใหญ่ 2 ประเทศ
คือ จีนกับอินเดีย
ลักษณะภูมิประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วยดินแดน 2 ส่วน คือ
ส่วนที่เป็นแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ ประเทศพม่า ไทย ลาว กัมพูชาและมาเลเซีย (ตะวันตก)
ส่วนที่เป็นเกาะ ได้แก่ สิงค์โปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย
(ตะวันออก) และติมอร์ คำว่า "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
เริ่มใช้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
หรือฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ตั้งศูนย์บัญชาการการรบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นใน
ค.ศ.1943 เพื่อทำสงครามกับญี่ปุ่น การเรียกชื่อแบบร้เพราะ
เพื่อความเด่นชัดในทางด้านภูมิศาสตร์
แว่นแคว้นโบราณในภาคพื้นทวีป
1.เวียดนาม
หลักฐานชุมชนที่เก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คือ ชุมชนชาวเหยอะและชาวโล
ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวเวียดนามในปัจจุบันชนชาติเวียดและชาวโลอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจีน จนถึงตอนเหนือของเว้ในปัจจุบัน
บริเวณที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงจนถึงปากแม่น้ำแดง โดยตั้งบ้านเรือนรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่
ในพ.ศ.432จีนจึงเข้ามายึดครองดินแดนบริเวณนี้และปกครองชาวเวียดนาม จนกระทั่งถึง
พ.ศ. 1511 เวียดนามได้ประกาศตนเป็นเอกราช และแต่งตั้งเมืองหลวง คือถังหลวง
(ฮานอยในปัจจุบัน)
จากการที่เวียดนามตกอยู่ใต้การปกครองของจีนมานานนับพันปี
ทำให้ชาวเวียดนามผูกพันอย่างใกล้ชิดกับวัฒนธรรมจีน
โดยรับวัฒนธรรมจีนมาผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน
2.จามปา
ดินแดนของจามปาในอดีต ได้แก่
ส่วนที่เป็นดินแดนตอนกลางของประเทศเวียดนาม
ประชาชนนับถือพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์จดหมายเหตุจีนบอกรายละเอียดเกี่ยวกับประเพณีแต่งงานว่ามักทำในเดือน
8 โดยฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายสู่ขอชาย บ้านเรือนราษฎรสร้างด้วยอิฐก่อเป็นอาคาร
เมื่อตายใช้ผ้าห่อศพเรียบร้อยแล้วแห่ไปยังแม่น้ำหรือทะเลแล้วเผาศพที่นั่น
นำเถ้าถ่านทิ้งน้ำ เมืองหลวงของจามปา คือ เมืองอินทรปุระ จามปาต้องเผชิญกับการรุกรานของรัฐข้างเคียงที่เข้มแข็งกว่า
เช่น เวียดนาม จีน และกัมพูชา และสูญเสียเอกราชแก่เวียดนาม เมื่อ พ.ศ. 2014
ชาวจามปาต้องอพยพหลบหนีออกไปอยู่ต่างแดนกระจัดกระจาย
จามปาก็ล่มสลายไปตั้งแต่ครั้งนั้น
3.เจนละ
มีศูนย์กลางอยู่ในดินแดนลาวตอนล่าง
จากหลักฐานที่พบที่เมืองศรีเทพ และที่จังหวัดสระบุรี
ทำให้สันนิษฐานว่าดินแดนแถบนี้ก็อยู่ในเขตอิทธิพลของเจนละด้วย กษัตริย์ที่
เข้มแข็งที่สุดของเจนละ คือ พระเจ้าอิสานวรมัน ทรงขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง
เจนละรับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อย่างเคร่งครัด มีการสร้างเทวาลัย เทวรูป
ปราสาทหิน มีพิธีบูชาเทพเจ้าในเทวาลัยบนยอดเขาและใช้ภาษาสันสกฤต
เจนละเสียอำนาจแก่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2
ซึ่งเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ฟูนัน
ล้มล้างอำนาจของเจนละและสถาปนาอาณาจักรกัมพูชาขึ้น
4.มอญ
ตั้งอยู่บริเวณระหว่างที่ราบลุ่มปากแม่น้ำสะโตงและแม่น้ำสาละวิน
จากหลักฐานชาวอาหรับเรียกดินแดนบริเวณนี้ว่า รามัญประเทศ
และพงศาวดารมอญกล่าวว่าชาวมอญได้สร้างเมืองตะโทงหรือเรียกกันว่า ท่าตอน
เป็นเมืองหลวงใน พ.ศ. 241 และเจริญรุ่งเรืองมาจนถึง พ.ศ. 1600
ชาวพม่าที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศพม่าปัจจุบันได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นอาณาจักรพุกามที่มีความเข้มแข็งตามลำดับ
ได้ยกทัพมาโจมตีมอญและครอบครองได้สำเร็จ
ทั้งนี้ทำให้พม่าได้ยอมรับวัฒนธรรมของมอญที่ชาวมอญเป็นผู้ถ่ายทอดให้ไปปฏิบัติ
เช่นการนับถือพระพุทธศาสนานิกายหีนยาน เป็นต้น
5.พุกาม
ดินแดนบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดีของพม่าเดิมมีชาวมอญได้มาสร้างบ้านเรือนเป็นอาณาจักรมอญ
และเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่14
ชาวพม่าที่อาศัยอยู่ทางเหนือของประเทศพม่าในปัจจุบันได้ขยายอำนาจมายังที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดีแทนที่อาณาจักรของมอญ
ต่อมา พ.ศ. 1587 ผู้นำชาวพม่า คือ พระเจ้าอโนรทา
สามารถก่อตั้งอาณาจักรพุกามเป็นปึกแผ่นขึ้นได้สำเร็จ และมีความเจริญรุ่งเรือง
สามารถขยายดินแดนออกไปอย่างกว้างขวาง
ซึ่งความเจริญรุ่งเรืองดังกล่าวเห็นได้จากการสร้างวัดขนาดใหญ่จำนวนมาก
จนกระทั่งถึงพุทธศตวรรษที่ 19 จึงสลายตัวเนื่องจากถูกกองทัพของมองโกลยึดครองได้เมื่อ
พ.ศ. 1830
6.ทวารวดี
ทวารวดีเป็นอาณาจักรโบราณสมัยประวัติศาสตร์ที่พบหลักฐานแห่งแรกบนผืนแผ่นดินไทย
เอกสารจีนสมัยราชวงศ์ถัง เช่น บันทึกการเดินทางของหลวงจีนอี้จิง
ทำให้ทราบว่าอาณาจักรทวารวดีอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาโดยมีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกของภาคกลางสันนิษฐานว่าศูนย์กลางของอาณาจักรทวารวดีอยู่ที่จังหวัดนครปฐมและจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่เมืองนครชัยศรี
(นครปฐม)
พบโบราณสถานและโบราณวัตถุที่แสดงถึงการเป็นเมืองสำคัญของนครปฐมในสมัยทวารวดี เช่น
พระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ประทับนั่งห้อยพระบาทปางแสดงธรรมจักรและโบราณสถานขนาดใหญ่
เช่น เจดีย์จุลประโทนและฐานอาคารที่วัดพระเมรุ
นอกจากนี้ยังได้พบเหรียญเงินที่มีจารึกชื่อทวารวดีในเมืองใกล้เคียง ได้แก่
สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และชัยนาท ช่วงระยะที่อาณาจักรแห่งนี้ดำรง
อยู่คงจะประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 - 12
7. หริภุญชัย
ตั้งอยู่ที่เมืองหริภุญชัย
(ลำพูน) เป็นอาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางของเมืองต่างๆ
ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงตอนบนและที่ราบลุ่มแม่น้ำวัง
ตำนานเมืองหริภุญชัยหรือตำนานจามเทวีวงศ์ กล่าวถึงการตั้งเมือง หริภุญชัยว่า
ฤาษีวาสุเทพเป็นผู้สร้างเมือง หริภุญชัยและขอให้กษัตริย์ละโว้ ส่งเชื้อพระวงศ์มาปกครอง
กษัตริย์ละโว้จึงส่งพระนางจามเทวี
ผู้เป็นพระราชธิดาเลี้ยงและสะใภ้หลวงมาเป็นปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัย
พระนางจามเทวีได้ขอช่างฝีมือจากละโว้ไปช่วยสร้างเมือง หริภุญชัยและเชิญพระสงฆ์ 500
รูป มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่หริภุญชัย
ทำให้หริภุญชัยมีความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
ลัทธิลังกาวงศ์ และศิลปกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา
ดังที่มีหลักฐานมาจนถึงปัจจุบัน คือ พระธาตุหริภุญชัย ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองลำพูน
ตามตำนานกล่าวว่า พระเจ้าอาทิตยราชเป็นผู้สร้างเจดีย์หริภุญชัย
ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงลังกาและเป็นที่เคารพสักการะของชาวลำพูนอย่างสูง
8.ละโว้
เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในสมัยทวารวดี
ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน
การที่ละโว้ตั้งอยู่บริเวณที่มีแม่น้ำสายสำคัญ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำเจ้าพระยา
แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี จึงเป็นอาณาจักรที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีเส้นทางติดต่อกับเมืองในลุ่มแม่น้ำป่าสัก
ที่ราบสูงโคราช และเขตติดต่อกับทะเลสาบเขมร
ทำให้ละโว้เป็นแหล่งทรัพยากรและศูนย์กลางการติดต่อระหว่างชุมชนโดยรอบ
ส่งผลให้ละโว้พัฒนาขึ้นเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีเศรษฐกิจดีและการติดต่อกับชุมชนภายนอก
ทำให้ละโว้ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ ที่สำคัญคือจากอินเดีย
เมื่อขอมหรือเขมรขยายอิทธิพลเข้ามาในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
ละโว้จึงกลายเป็นเมืองประเทศราชของเขมรและรับอารยธรรมเขมรด้วย
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-16 เป็นช่วงที่อาณาจักรละโว้ได้รับวัฒนธรรมจากอินเดียค่อน
ข้างมาก โดยรับแนวคิดเรื่องการมีกษัตริย์ปกครอง มีการแบ่งชนชั้นออกเป็นชนชั้นสูง
สามัญชน และทาส
การนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นศาสนาที่ผู้คนให้การเคารพนับถือมากใน ละโว้
ทั้งนี้เพราะพบจารึกภาษาบาลีที่กล่าวถึงการอุทิศถวายสิ่งของ ข้าทาสให้แก่วัด และพบประติมากรรม
เช่น พระพุทธรูป ธรรมจักร เป็นต้น
นอกจากนี้พระพุทธศาสนานิกายมหายานก็ได้เผยแผ่อยู่ในละโว้
ดังพบพระพิมพ์ที่มีรูปพระโพธิสัตว์ประทับข้างพระพุทธเจ้ารวมทั้งการมีความเชื่อในศาสนพราหมณ์-ฮินดู
ที่เข้ามาโดยพวกพราหมณ์และชนชั้นปกครองและความเชื่อพื้นเมือง ได้แก่
การบูชาบรรพบุรุษและการบูชารูปพระราชมารดาอีกด้วย
แว่นแคว้นโบราณในคาบสมุทรและหมู่เกาะ
1. ทุน ซุน
จากบันทึกชาวจีนกล่าวว่าทุนซุนตั้งอยู่บนคาบสมุทรมลายูทางใต้ของฟูนัน
ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะตั้งอยู่บริเวณคอคอดกระ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของไทย
ทุน
ซุนถือเป็นเมืองที่ควบคุมเส้นทางการค้าข้ามคาบสมุทรที่สามารถติดต่อกับอ่าวตังเกี๋ยทางทิศตะวันออกและอินเดียทางทิศตะวันตกได้
2.ตามพรลิงค์
เป็นอาณาจักรเก่าแก่ที่สุดทางภาคใต้ของไทย
มีศูนย์กลางอยู่ที่นครศรีธรรมราช โดยมีหลักฐานที่กล่าวถึงอาณาจักรตามพรลิงค์มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่
8 ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 18
ตามพรลิงค์เปลี่ยนชื่อเป็น นครศรีธรรมราช และราวต้นพุทธศตวรรษที่ 19 มีอิทธิพลครอบคลุมบรรดาหัวเมืองและแว่นแคว้นอื่นๆ ทั่วแหลมมลายู
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยา ต่อมาถูกรวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยาในปลายพุทธศตวรรษที่
20
อาณาจักรนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจากการเป็นเมืองท่าของพ่อค้าชาวอินเดีย
ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10
ในระยะแรกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรศรีวิชัย แต่ในพุทธศตวรรษที่ 16 อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลง
ทำให้ตามพรลิงค์ขยายตัวกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการเมืองในบริเวณคาบสมุทรภาคใต้แทน
และจากหลักฐานจีนสมัยราชวงศ์ซ่ง กล่าวถึงอาณาจักรตามพรลิงค์ว่าเป็นเมืองท่าการค้าที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากับจีนมากชนิดกว่าที่อื่น
และได้ส่งคณะทูตไปถวายเครื่องราชบรรณาการกับจีนใน พ.ศ.1613
ซึ่งแสดงว่าตามพรลิงค์เป็นรัฐอิสระ
3. พัน พัน
จากบันทึกชาวจีนกล่าวว่า พัน พัน
ตั้งอยู่บนคาบสมุทรมลายูแถบริมฝั่งทะเล
ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะตั้งอยู่บริเวณอำเภอพุนพินหรือบริเวณอ่าวบ้านดอนจังหวัดสุราษฎร์ธานีของไทยในปัจจุบัน
4. ลังกาสุกะ
ก่อตั้งขึ้นราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 7 มีหลักฐานปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุของจีนสมัยราชวงศ์เหลียง
ที่กล่าวถึงอาณาจักรลังกาสุกะ โดยเรียกชื่อว่า “หลวงหยาซิ่ว”
มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ในเขตจังหวัดปัตตานีและยะลา
มีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
ลังกาสุกะเป็นอาณาจักรที่เติบโตมาจากการเป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเลที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติโดยเฉพาะจีนแลอินเดีย
แต่มีความใกล้ชิดกับจีนมากกว่า โดยมีหลักฐานจีนบันทึกไว้ว่า
ลังกาสุกะส่งทูตไปเมืองจีนหลายครั้ง
5. ฉีตู
จากบันทึกชาวจีนกล่าวว่า
ฉีตูตั้งอยู่ทางใต้ของตามพรลิงค์
ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่ามีเมืองหลวงอยู่บริเวณกลันตัน พัทลุง หรือนครศรีธรรมราช
6. ตักโกลา
ตั้งอยู่ฝั่งทะเลด้านตะวันตกของคาบสมุทร
สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่บริเวณอ่าวพังงาและตะกั่วป่า ในอดีตเมืองตักโกลาเป็นเมืองท่าสำคัญที่พ่อค้าและนักเดินเรือทั้งชาวจีนและอินเดียรู้จักเป็นอย่าดี
7. ศรีวิชัย
ได้ปรากฏนามเป็นครั้งแรกจากเอกสารจีน
และต่อมาเมื่อมีการค้นพบศิลาจารึกและบันทึกของชาวอินเดียที่มีอายุอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่
7-8 ก็เป็นสิ่งยืนยันถึงการมีอยู่ของอาณาจักรแห่งนี้
อาณาจักรศรีวิชัยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปาเล็มบัง บนเกาะสุมาตรา
ประเทศอินโดนีเซีย
มีอิทธิพลครอบคลุมตั้งแต่เกาะชวาในอินโดนีเซียขึ้นมาถึงเมืองไชยา
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเพราะอยู่ในเส้นทางการค้าทางทะเลระหว่างจีน
อินเดีย และอาหรับ เป็นเมืองที่เกิดจากการรวมตัวกันของเมืองท่าบริเวณช่องแคบมะละกา
เอกสารร่วมสมัยของชาวต่างชาติที่เคยเดินทางมายังอาณาจักรแห่งนี้ระบุว่า
ศรีวิชัยเป็นดินแดนที่มั่งคั่งร่ำรวย
พลเมืองที่อยู่ในอาณาจักรศรีวิชัยเป็นชาวพื้นเมืองปะปนกับพ่อค้าต่างชาติที่เข้ามาติดต่อค้าขายและเข้ามาตั้งหลักแหล่งในเวลาต่อมา
โดยมีกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร์ปกครองอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ที่ชวา
อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลงตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่
11 เพราะถูกอาณาจักรโจฬะ
ซึ่งปกครองอินเดียตอนใต้ส่งกองทัพเรือเข้าโจมตีอาณาจักรศรีวิชัยและเมืองอื่นๆ
ในอำนาจของอาณาจักรศรีวิชัย ทำให้อำนาจทางการเมืองของศรีวิชัยสิ้นสุดลง
ส่วนอำนาจทางการค้าเริ่มตกต่ำลงเมื่อจีนเริ่มแต่งเรือสำเภาออกไปค้าขายยังเมืองต่างๆเองอาณาจักรศรีวิชัยในฐานะพ่อค้าคนกลางจึงลดบทบาทลงไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น